Oyster Perpetual Cosmograph Daytona เปิดตัวในปี 1963 นับเป็นไอคอนของโลกแห่งการผลิตนาฬิกามาอย่างช้านาน ชื่อที่เชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับสนามแข่งรถชื่อดังที่ชายหาดเดย์โทนา ในรัฐฟลอริดาได้แสดงถึงความสัมพันธ์ของ Rolex ที่มีต่อกีฬาแข่งรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งรถแบบเอ็นดูรานซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก สถานะที่เป็นตำนานนั้นมาจากหน้าปัดที่มาพร้อมกับวงกลมที่มีลักษณะตัดกัน และทำให้ผู้คนสามารถจดจำนาฬิกาเรือนนี้ได้ในทันทีที่พบเห็น Cosmograph Daytona ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ นาฬิกา Cosmograph Daytona จึงเป็นเพื่อนคู่ใจที่เชื่อถือได้และมีความเที่ยงตรงสำหรับผู้ที่เลือกเส้นทางของตนเอง
ขอบตัวเรือน ตัวเลขบอกจำนวนนาที และส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กบริเวณสามนาฬิกาต่างเป็นหนึ่งในห้าองค์ประกอบเด่นของ Cosmograph Daytona ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การออกแบบต่างๆ ทั้งหน้าปัด การผสมผสานสี และสถาปัตยกรรมตัวเรือนนั้นมีการปรับแต่งอยู่ตลอด เพื่อให้นาฬิการุ่นนี้ยังคงความงามหรูหราเหมือนเช่นเดิม
สเกลวัดความเร็วที่อยู่บริเวณขอบหน้าปัดของนาฬิกาถือเป็นองค์ประกอบหลักที่สร้างเอกลักษณ์ให้ Cosmograph Daytona มันสามารถจับความเร็วได้สูงถึง 400 กิโลเมตรหรือไมล์ต่อชั่วโมง โดยใช้เข็มวินาทีตรงกลาง
นาฬิกา Cosmograph Daytona มาพร้อมกลไกคาลิเบอร์ 4131 กลไกการทำงานโครโนกราฟนี้วิวัฒนาการมาจากคาลิเบอร์ 4130 และผ่านการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex ทั้งหมด โดยเปิดตัวในปี 2023 นี้ และมาพร้อมกับนวัตกรรมสำคัญต่างๆ ที่ Rolex นำมาใช้กับกลไกการทำงาน ได้แก่ ชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex และตลับลูกปืนเม็ดกลมที่ได้รับการปรับเพิ่มสมรรถนะ
คาลิเบอร์นี้มาพร้อมกับลูกเหวี่ยงแบบคัตเอาต์ และการตกแต่งสะพานจักรด้วยการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève ซึ่งเป็นการดัดแปลงการแต่งผิวแบบดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของการผลิตนาฬิกาสวิส
สำหรับรุ่นแพลทินัม 950 อันเป็นที่จดจำจากหน้าปัดสีไอซ์บลูนั้น ส่วนของลูกเหวี่ยงทำจากทองคำ 18 กะรัต และผู้สวมใส่สามารถมองเห็นได้ผ่านตัวเรือนด้านหลังแบบโปร่งใสที่รังสรรค์ขึ้นจากแซฟไฟร์
Cosmograph Daytona ในรุ่นวัสดุทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom และมีวางจำหน่ายเฉพาะกับสาย Oysterflex เท่านั้น นวัตกรรมระดับสิทธิบัตรโดย Rolex นี้ผสมผสานคุณสมบัติของสายนาฬิกาโลหะในด้านความทนทานเข้ากับความสวมใส่สบายแบบสายอีลาสโตเมอร์ได้อย่างลงตัว มาพร้อมชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock เพื่อป้องกันสายนาฬิกาเลื่อนเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ยังสามารถปรับสายได้เองด้วยระบบขยายสาย Rolex Glidelock อันชาญฉลาด
นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา Cosmograph Daytona ก็ได้กลายเป็นนาฬิกาที่ได้รับเลือกโดยผู้ที่หลงใหลในกีฬาแข่งรถ อย่างเช่น Paul Newman นักแสดงระดับตำนาน นักแข่งรถผู้เปี่ยมประสบการณ์ และผู้บุกเบิกการประกอบการเพื่อสังคมเลือกสวมใส่ หรือจะเป็น Sir Jackie Stewart บุคคลสำคัญของ Formula 1® รวมถึง Tom Kristensen นักแข่งรถชาวเดนมาร์กที่สร้างประวัติศาสตร์การแข่งรถแบบเอ็นดูรานซ์ และ Jamie Chadwick นักแข่งรถสาวชาวอังกฤษที่ได้กลายเป็นต้นแบบของนักแข่งหญิงเดี่ยวคนใหม่ และยังมีนักแข่งรถอีกหลายคนที่นำเอาโครโนกราฟไปใช้ในชีวิตจริงนอกสนามแข่ง