Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum
นาฬิกาใหม่ 2025

หน้าปัดสุดพิเศษ
มนตร์สะกดเหนือจินตนาการ

สามรุ่นที่ออกแบบด้วยความโดดเด่นท้าทาย สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวแห่งสีสันและวัสดุที่พร้อมมอบความรู้สึกแปลกใหม่ให้ผู้พบเห็น นาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona นาฬิกา GMT-Master II และนาฬิกา Sky-Dweller พร้อมแล้วที่จะเปล่งประกายอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยหน้าปัดรูปแบบใหม่

Rolex เผยโฉมหน้าปัดใหม่สุดเจิดจรัสของทั้งสามรุ่นนาฬิการะดับตำนานที่เปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนทางเทคนิคและการออกแบบที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของแบรนด์

นาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์อันโดดเด่น และเสริมด้วยส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำสว่าง นาฬิการุ่นใหม่นี้รังสรรค์ด้วยวัสดุทองคำ 18 กะรัต และมาพร้อมกรอบ Cerachrom สีดำที่เป็นสเกลวัดความเร็ว และประกอบเข้ากับสาย Oysterflex และชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

Oyster Perpetual GMT-Master มาพร้อมกับหน้าปัดแบบใหม่ที่ทำจากหินไทเกอร์ไอออน หินจากธรรมชาติชนิดนี้เป็นส่วนผสมระหว่างพลอยตาเสือ แจสเปอร์แดง และฮีมาไทต์ การผสมผสานนี้ได้สรรสร้างประกายอันงดงามและมอบสีสันอันน่าทึ่งให้กับผู้พบเห็น Oyster Perpetual GMT-Master II นำเสนอในวัสดุ Everose gold 18 กะรัตที่มาพร้อมขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำและสีน้ำตาล และประกอบเข้ากับสายนาฬิกา Oyster และชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

Oyster Perpetual Sky-Dweller ที่เปรียบเสมือนผู้ร่วมทางอันซื่อสัตย์ของนักเดินทางทั่วโลก ในปีนี้ รุ่นทองคำ 18 กะรัตมาพร้อมหน้าปัดแบบซันเรย์สีเขียวสว่าง ซึ่งเป็นเฉดสีที่เข้มข้นและเข้ากันอย่างสวยงามกับสีของนาฬิกา และมาพร้อมสายนาฬิกา Jubilee จากทองคำ 18 กะรัตที่มี Oysterclasp ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความประณีตให้มากยิ่งขึ้น

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

เซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

นับว่า Rolex เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเซรามิกพิเศษที่สามารถใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในตัวเรือนนาฬิกา เซรามิกเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทนทานต่อรอยขีดข่วนเท่านั้น ทว่ายังมีสีที่เข้มชัดและแตกต่างจากวัสดุอื่นๆ ทั้งยังทนทานต่อปัจจัยภายนอกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ ยังผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูงที่มีความเฉื่อยและไม่เป็นสนิมเนื่องด้วยองค์ประกอบทางเคมี แบรนด์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อขัดเกลาความเชี่ยวชาญและกระบวนการผลิตอย่างมีนวัตกรรม ทำให้แบรนด์สามารถผลิตชิ้นส่วนเซรามิกเหล่านี้ได้อย่างอิสระ

 

นาฬิกา Cosmograph Daytona รุ่นทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ และขอบหน้าปัด Cerachrom แบบหล่อชิ้นเดียวที่ทำจากเซรามิกสีดำ ในส่วนของ GMT-Master II รุ่น Everose gold 18 กะรัต ที่มีหน้าปัดจากหินไทเกอร์ไอออนนั้นมาพร้อมกับขอบตัวเรือนหมุนได้สองทิศทาง และขอบหน้าปัด Cerachrom พร้อมขั้นบอกเวลา 24 ชั่วโมงสองสีที่ผลิตจากเซรามิกสีน้ำตาลและสีดำ

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

ขอบตัวเรือนแบบร่องอันเป็นเอกลักษณ์

ขอบตัวเรือนแบบร่องได้เป็นส่วนหนึ่งของนาฬิการุ่นคลาสสิกหลายรุ่นในคอลเล็กชัน Oyster Perpetual นับตั้งแต่การมาถึงของนวัตกรรมตัวเรือน Oyster ในปี 1926 เดิมที ขั้นตอนการการเซาะร่องจะทำขึ้นเพื่อสกรูขอบตัวเรือนเข้ากับตัวเรือนตรงกลาง และเป็นสิ่งที่มอบคุณสมบัติการกันน้ำให้กับนาฬิกา อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการเซาะร่องได้มีจุดประสงค์หลักคือด้านความสวยงาม โดยขอบตัวเรือนแบบร่องได้รับการผลิตขึ้นเป็นพิเศษจากทองคำ 18 กะรัต หรือแพลทินัม 950 นับว่าเป็นผลงานแห่งความเชี่ยวชาญอันเหนือชั้น และได้กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งมรดกการออกแบบของแบรนด์

 

ขอบตัวเรือนแบบร่องของนาฬิกา Sky-Dweller ที่มาพร้อมหน้าปัดสีเขียวสว่างนั้นได้รับการผลิตขึ้นจากทองคำ 18 กะรัต ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกันกับตัวเรือน Oyster และสายนาฬิกา Jubilee ที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

ตัวเรือน Oyster สัญลักษณ์แห่งการกันน้ำ

ตัวเรือน Oyster เปี่ยมด้วยความเป็นเลิศด้านความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และความงดงาม ตัวเรือน Oyster ของนาฬิกา Cosmograph Daytona และ GMT-Master II จะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. ในขณะที่ตัวเรือนของนาฬิกา Sky-Dweller จะมีขนาด 42 มม. และรับประกันการกันน้ำที่ความลึกถึง 100 เมตร (330 ฟุต) ตัวเรือนตรงกลางทำมาจากทองคำ 18 กะรัต หรือ Everose gold โดยใช้ก้อนแร่เพียงก้อนเดียวมาเป็นวัสดุตัวเรือน เม็ดมะยมไขลาน Triplock จะติดตั้งเข้ากับระบบกันน้ำสามชั้นและได้รับการป้องกันด้วยการ์ดป้องกันเม็ดมะยม ในส่วนของเม็ดมะยมไขลาน Twinlock ที่มาพร้อมกับระบบกันน้ำสองชั้นจะได้รับการสกรูเข้าอย่างแน่นหนากับตัวเรือนเช่นเดียวกันกับกระบวนการติดตั้งปุ่มกดด้านข้างโครโนกราฟบนนาฬิกา Cosmograph Daytona กระจกนาฬิกามาพร้อมเลนส์ Cyclops ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในรุ่นที่มีฟังก์ชันวันที่ โดยผลิตมาจากแซฟไฟร์ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริงและผ่านการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum
Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

คาลิเบอร์ 4131, 3285 และ 9002

นาฬิกา Cosmograph Daytona นาฬิกา GMT-Master II และนาฬิกา Sky-Dweller ทำงานด้วยกลไกการทำงานของระบบขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex ซึ่งนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาถึงขีดสุดเพื่อมอบประสิทธิภาพอันเหนือชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงความเที่ยงตรง พลังงานสำรอง ความสะดวกสบาย และความน่าเชื่อถือ

 

นาฬิกา Cosmograph Daytona มาพร้อมกับคาลิเบอร์ 4131 ที่ช่วยให้นาฬิกาสามารถวัดช่วงเวลาผ่านฟังก์ชันจับเวลา นอกเหนือจากการแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีตามปกติ คาลิเบอร์ 4131 เป็นผลลัพธ์แห่งความงดงามจากการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน รวมไปถึงสะพานจักรที่ได้รับการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève และลูกเหวี่ยงแบบคัตเอาต์

 

นาฬิกา GMT-Master II ได้รับการติดตั้งเข้ากับคาลิเบอร์ 3285 นับตั้งแต่มีการเปิดตัวกลไกการทำงานในปี 2018 โดยจะมีฟังก์ชันวันที่และเขตเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมงที่เพิ่มเติมเข้ามา นอกเหนือไปจากการบอกเวลาในรูปแบบชั่วโมง นาที และวินาทีตามปกติ

 

นาฬิกา Sky-Dweller ทำงานด้วยคาลิเบอร์ 9002 และมาพร้อมกับปฏิทินรายปีที่มีการแสดงวันที่และเดือน นอกจากนี้ยังมีเขตเวลาในรูปแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยการแสดงชั่วโมง นาที และวินาที คาลิเบอร์ 9002 ได้รับการเปิดตัวในปี 2023 และมีการใช้งานกับนาฬิการุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้น

 

คาลิเบอร์ 4131 คาลิเบอร์ 3285 และคาลิเบอร์ 9002 มาพร้อมกับระบบขึ้นลานอัตโนมัติผ่านโรเตอร์ Perpetual และด้วยสถาปัตยกรรมกระปุกลานและประสิทธิภาพชั้นเยี่ยมของชุดกลไกปล่อยจักร ทำให้พลังงานสำรองของกลไกการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 72 ชั่วโมง 70 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมงตามลำดับ

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

สาย Oysterflex, สาย Oyster และสาย Jubilee

นาฬิกา Cosmograph Daytona ที่มาพร้อมกับหน้าปัดเคลือบเงาสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ และส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำสว่างได้รับการประกอบเข้ากับสาย Oysterflex สายนาฬิกานี้ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex โดยมาพร้อมกับบานพับสายแบบโค้งมนและยืดหยุ่นสองชิ้น (ติดตั้งด้านละหนึ่งชิ้น) และหล่อทับด้วยอีลาสโตเมอร์สีดำประสิทธิภาพสูง

 

นาฬิกา GMT-Master II ที่มาพร้อมหน้าปัดไทเกอร์ไอออนได้รับการประกอบเข้ากับสาย Oyster ชุดข้อสายแบบสามข้อนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1930 และเป็นที่รู้จักในด้านความทนทาน

 

นาฬิกา Sky-Dweller ที่มาพร้อมหน้าปัดสีเขียวสว่างได้มาพร้อมสายนาฬิกา Jubilee สายนาฬิกาโลหะที่ประกอบด้วยข้อต่อห้าชิ้นนี้มอบความยืดหยุ่นและสวมใส่สบาย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust ในปี 1945

 

สายนาฬิกา Oysterflex ของนาฬิกา Cosmograph Daytona และสายนาฬิกา Oyster ของนาฬิกา GMT-Master II จะติดตั้งเข้ากับชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock แบบพับได้ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการเปิดอ้าออกโดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่สายนาฬิกา Jubilee ของนาฬิกา Sky-Dweller จะติดตั้งเข้ากับ Oysterclasp แบบพับได้

 

Rolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - PendulumRolex new หน้าปัดสุดพิเศษ watches 2025 - Pendulum

การรับรอง Superlative Chronometer

ดั่งเช่นนาฬิกาของ Rolex ทุกเรือน Oyster Perpetual Cosmograph Daytona, Oyster Perpetual GMT-Master II และนาฬิกา Oyster Perpetual Sky-Dweller นั้นผ่านการรับรอง Superlative Chronometer ตามนิยามใหม่ที่ Rolex กำหนดขึ้นในปี 2015 สถานะดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่านาฬิกาทุกเรือนที่ออกจากโรงงานผลิตได้ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของ Rolex ภายในห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดขึ้นโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎการรับรองกลไกการทำงานอย่างเป็นทางการโดย Swiss Official Chronometer Testing Institute (COSC) การทดสอบเพื่อการรับรองภายในองค์กรใช้กับนาฬิกาที่ประกอบอย่างสมบูรณ์หลังการติดตั้งกลไกการทำงานแล้ว เพื่อรับประกันสมรรถนะอันเหนือชั้นเมื่อสวมใส่บนข้อมือทั้งในด้านความเที่ยงตรง พลังงานสำรอง การกันน้ำ และระบบขึ้นลานอัตโนมัติ สำหรับการรับรองอย่างเป็นทางการของกลไกการทำงานนั้น ความเที่ยงตรงของ Rolex Superlative Chronometer อยู่ที่ −2/+2 วินาทีต่อวัน โดยอัตราคลาดเคลื่อนที่แบรนด์ยอมรับได้สำหรับนาฬิกาที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่ COSC ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด

 

ทั้งนี้ สถานะ Superlative Chronometer ใช้ตราสัญลักษณ์กรีนซีลที่มาพร้อมนาฬิกา Rolex ทุกเรือนควบคู่กับการรับประกันคุณภาพระดับสากล 5 ปี

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม