Home / News / KORN NARONGDEJ: LITTLE DETAILS MAKE BIG THINGS HAPPEN
KORN NARONGDEJ: LITTLE DETAILS MAKE BIG THINGS HAPPEN
December 26, 2022
KORN
NARONGDEJ
————————————————————————————
LITTLE DETAILS MAKE BIG THINGS HAPPEN
กรณ์ ณรงค์เดช ผู้ชายที่มองรายละเอียดเล็กๆ เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
Photographs by Bond Ekaphop
Styled by Vasit B.
Interview by Anya Wan
Location The Estelle Phrom Phong
ในซอยสุขุมวิท 26 เราเลี้ยวเข้ามาที่โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong) คอนโดมิเนียม ultra-luxury ที่เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และบริษัท โตเกียว ทาเทะโมโนะ จำกัด (Tokyo Tatemono) โดยเรามีนัดพบกับคุณกรณ์ ณรงค์เดช นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้เป็นทายาทคนเล็กของเคพีเอ็น กรุ๊ป ผู้บริหารหนุ่มดีกรีปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของบมจ. ไรมอน แลนด์ (RML) ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่และหลายคนก็รู้จักเขาในฐานะคู่ชีวิตของคุณศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ที่เพิ่งจะให้กำเนิดลูกชายคนแรก น้องกวิณท์ ไปเมื่อต้นปี 2564
เราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเรียบหรู ดูอบอุ่นด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถเห็นได้ตั้งแต่เลี้ยวเข้ามาในโครงการ ที่แม้จะอยู่ใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์ แต่ก็มีความสงบส่วนตัวแบบปรัชญาเซน ขณะเดียวกันก็ดูทันสมัยด้วยสไตล์การออกแบบและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดเต็ม “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ เป็นคอนโด High-Rise สูง 37 ชั้น ที่ RML ร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทะโมโนะ จำกัด หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและเก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น อายุกว่า 120 ปีครับ ไฮไลท์คือเป็นโครงการเดียวในสุขุมวิทที่นอกจากที่จอดรถทั่วไปแล้ว เรายังมีที่จอดรถ 1 ชั้นเต็มสำหรับ supercar parking และมี facilities ที่โดดเด่นคือ มีออนเซ็นแยกชาย-หญิง และสระลอยตัวระบบเกลือที่ให้ความผ่อนคลายแบบสุดๆ ขณะที่อุปกรณ์ในฟิตเนสจะเป็นแบรนด์เทคโนยิม (Technogym) ทั้งหมดซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นแบรนด์ตัวท็อป หรูหราที่สุดในวงการเครื่องออกกำลังกาย และพิเศษกว่านั้นที่นี่มีเครื่องเล่นรุ่น limited edition ที่เกิดจากความร่วมมือของเทคโนยิม และคริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) ซึ่งมีไม่กี่เครื่องในประเทศไทยเท่านั้น ที่สำคัญคือเป็นโครงการ pet-friendly สามารถเลี้ยงลูกสี่ขาได้ด้วยครับ” คุณกรณ์ ทักทายเราและทีมงานอย่างเป็นกันเอง พร้อมอธิบายจุดเด่นของโครงการที่เขาคัดสรรมาเป็นอย่างดี นี่ยังไม่รวมถึงบริการคอนเซียร์จ 24 ชั่วโมง (24-hour Concierge Service) เมอร์เซเดส เบนซ์ เอส คลาส ลิมูชีน เซอร์วิส (Mercedes Benz S-Class Limousine Service) ห้องชุดพิเศษ 74 ยูนิตที่มีลิฟต์โดยสารส่วนตัว (Exclusive Units with Private Lifts) รวมไปถึงห้องพักแขกส่วนกลาง (Guest Suite) ที่สามารถจองให้แขกของท่านเจ้าของร่วมเข้ามาพักได้ประหนึ่งโรงแรมห้าดาวซึ่งนับว่าแทบไม่มีโครงการอื่นๆทำแน่นอน ทั้งหมดนี้ทำให้การใช้ชีวิตที่นี่หรูหราเหนือจินตนาการจริงๆ
“ผมไม่เคยคิดนะว่าในชีวิตหนึ่ง คนเราจะมาถึงจุดที่ไม่อยากขึ้นลิฟต์กับคนแปลกหน้า” เขาหัวเราะ “แต่ก็ต้องบอกว่านี่คือการปรับตัวของอสังหาฯ ในช่วงโควิดครับ เพราะมันกลายเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้คนก็ยังมองหาห้องขนาดใหญ่ซึ่งมันเป็นอะไรที่หายากในตลาดนะ เนื่องจาก 4-5 ปีที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์ไม่ค่อยกล้าทำห้องใหญ่ กลัวขายไม่ออก ก็กลายเป็นจุดที่เราต้องมาปรับตัวเพื่อทำยอดขายให้ดีขึ้น และเรายังต้องปรับสเปซให้มีความยืดหยุ่นขึ้นด้วย เช่น ห้องรับแขกที่สามารถกั้นเป็นโฮมออฟฟิศได้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันที่ work from home มากขึ้น”
คุณกรณ์เติบโตมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในครอบครัวที่ทำธุรกิจสายอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด แต่เขากลับมีความชอบในธุรกิจอสังหาฯ “ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบการแต่งห้องอยู่แล้ว งานอดิเรกคือชอบจัดบ้าน หลังจากเรียนจบปริญญาโทที่อังกฤษ ก็เลยไปลงเรียนคอร์สอินทีเรีย ดีไซน์เพิ่มเติม พอกลับเมืองไทยช่วงต้นปี 2543 คุณพ่อเลยแนะนำว่าเราเรียนอินทีเรีย ดีไซน์มา ทำคอนโดไหมล่ะ” นั่นเป็นที่มาของการทำโครงการอสังหาฯ แรกของเขา เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 24 ยูนิต ในซอยสุขุมวิท 39 ที่ขายหมดในเวลาเพียง 1 เดือนครึ่ง ตามมาด้วยคอนโดโลว์ไรส์อีกแห่งที่สุขุมวิท 49 ก็ขายหมดภายในเวลาเพียง 6 เดือน
“การเข้ามาบริหารไรมอน แลนด์ ผมต้องยอมรับว่าจุดแข็งเขามีเยอะมาก อย่างแรกคือเป็นผู้นำในตลาดไฮเอนด์ อย่างที่สองคือพนักงานที่นี่เป็นคนมีคุณภาพ และสามคือเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในแวดวงอสังหาฯ มายาวนาน สิ่งที่ผมเข้ามาปรับให้แข็งแรงขึ้น คือ ในเมื่อแกนหลัก (core) ของเขาคือลักชัวรี่ ดังนั้นโครงการที่เป็น semi luxury เราจึงหยุดพัฒนาต่อทั้งหมด แล้วมาโฟกัสที่เฉพาะ luxury จริงๆขึ้นไปเท่านั้น และที่ผ่านมาเขามีกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่น ซึ่งหลักๆเป็นกลุ่มที่มั่นคงทางสถานภาพการเงินและอายุ ผมเองก็ต้องรักษากลุ่มนี้ไว้ แต่ขณะเดียวกันก็ขยายกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงมา เจนเนอเรชั่นอื่นๆด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันเจ้าของกิจการมากมายก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยและมีกำลังซื้อสูง เราจึงรีเฟรซแบรนด์ให้ดูร่วมสมัยขึ้นจับต้องได้มากขึ้น มีความเป็นแฟชั่นขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นลักชัวรี่อยู่”
คำว่าอสังหาฯ สำหรับคุณกรณ์ไม่ใช่แค่การสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่คือการสร้างแลนด์ มาร์คใหม่ที่มาพร้อมคุณภาพระดับพรีเมียมและเป็นที่จดจำ เพราะนอกเหนือจากความสวยหรูแล้ว สิ่งสำคัญคือเรื่องคุณภาพ การใส่ใจในรายละเอียดของการใช้งานและอยู่อาศัยจริงๆ ในอีก 3 โครงการใหม่ของไรมอน แลนด์ ที่จะเปิดตัวในปี 2566 จึงมาพร้อมกับความเป็น Iconic ที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน ได้แก่ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12) โครงการมีรูปทรงโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Iconic Slope ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยที่โดดเด่นที่สุดในย่านสาทร, One City Centre อาคารสำนักงานเกรดเอ สูง 61 ชั้นที่ออกแบบโดย บริษัท Skidmore, Owings & Merrill (Thailand) (สกิดมอร์, โอวิงส์ และเมอร์ริล ไทยแลนด์) หรือเรียกย่อๆ ว่า SOM โดยเป็นบริษัทสถาปนิกระดับโลก บริษัทเดียวกับที่ทำอาคารเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ที่ดูไบ เมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นอาคารสำนักงานออฟฟิศที่สูงที่สุดในประเทศไทยใจกลาง CBD ที่ prime ที่สุด รวมถึงโครงการ Rosewood Residences Kamala ที่ถือเป็นโครงการ Rosewood Standalone Residence โครงการแรกในเอเชีย โดยจะพัฒนาในรูปแบบของวิลล่าระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ บนหาดกมลา จังหวัดภูเก็ต ตอบโจทย์เทรนด์ของ Branded Residence ที่กำลังเติบโต และเมืองไทยก็เป็นโลเคชั่นที่เหมาะสมและน่าจับตามากๆ สำหรับนักลงทุน
“ไอเดียต่างๆ เหล่านี้ ผมได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางเยอะเหมือนกันครับ เวลาไปเที่ยวเราจะอยู่ในอีกโหมดหนึ่ง เราจะมองทุกอย่างที่ไม่เหมือนกับเวลาที่เรามองเวลาทำงาน อย่างเวลาไปพักที่โรงแรม บางอย่างมันก็กลายเป็นไอเดียให้เรานำกลับมาใช้ในการออกแบบคอนโดฯ ได้” คุณกรณ์ชอบไปญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ อยู่บ่อยๆ แต่เขาก็ยังชอบไปบุกเบิกท่องเที่ยวในประเทศใหม่ๆ ด้วย เพื่อเปิดโลกทัศน์และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ซึ่งเมื่อมาบวกกับแพสชั่นที่มีอยู่ จึงทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ “ผมเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรก็ตาม ถ้าทำสิ่งที่รัก ทุกอย่างจะมาจากใจ และโอกาสประสบความสำเร็จมันเกิน 50% อยู่แล้ว เพราะพอเราอินกับมัน เราจะไม่คิดว่ามันเป็นงาน ก่อนนอนเราก็จะคิดถึง ตื่นมาก็จะคิดถึง เราจะมีความทุ่มเทมากกว่า ไม่ใช่แค่ทำไปตามหน้าที่”
“อีกปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จ ก็เป็นเพราะครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตครับ อย่างทุกวันนี้ เรื่องการตลาด ภรรยามาช่วยดูแล มาออกแบบอีเวนต์ ดูแลเรื่องของกลยุทธ์พีอาร์ เรียกว่าเป็นเพื่อนคู่คิดทั้งเรื่องงานและส่วนตัว และเวลาไปไหน ผมจะพยายามพาลูกไปด้วย เลี้ยงลูกแบบให้เขาซึมซับ ไปประชุม ไปทำงาน ก็อยากให้เขาได้เห็น เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เราเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงาน เราก็ซึมซับไปเอง” เขาเอ่ยถึงความผูกพันในครอบครัวทั้งในฐานะที่เป็นลูกและเป็นคุณพ่อมือใหม่ พลางเผยให้เราได้เห็นนาฬิกา Blancpain Villeret ที่สวมใส่บนข้อมือ ซึ่งเป็นเรือนที่คุณแม่ของเขาซื้อให้ตั้งแต่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว จึงเป็นเหมือนความทรงจำและเครื่องเตือนใจที่ทำให้นึกถึงคำสอนของคุณแม่ “คุณแม่เคยบอกว่าคนเราไม่ว่าจะเสียเงิน เสียความรู้สึก เสียใจ ทุกอย่างเอากลับมาได้ แต่เสียเวลา เป็นสิ่งที่เราเอากลับมาไม่ได้ เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ ดังนั้นการใส่นาฬิกาเรือนนี้จะช่วยเตือนให้ผมทำทุกเวลาให้คุ้มค่า เป็นความทรงจำให้กลับมานึกถึง”
“นาฬิกากับแหวนแต่งงานนี่เรียกได้ว่าเป็นแอกเซสซอรีแค่สองอย่างที่ผมมีเลย เพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจ ผมชอบสะสมนาฬิกาด้วยนะ แต่ก็ไม่ถึงกับบ้าคลั่ง จะชอบอะไรที่มันคลาสสิก timeless อย่าง บลองแปงมันมีความน้อยแต่โก้ และมันก็เป็นหนึ่งใน Top 5 ของแบรนด์ที่เป็นไอคอนิกด้วย ชอบที่มันไม่โหล เพราะเวลาเราสวมใส่อะไร เราก็อยากเลือกที่ความ unique การแต่งตัวบางคนอาจจะมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพราะมันคือ The first thing that represents yourself (สิ่งแรกที่จะบ่งบอกเกี่ยวกับตัวคุณ) มันคือการสร้างความประทับใจแรก ไม่ใช่แค่การให้เกียรติสถานที่ที่เราไป แต่มันคือการให้เกียรติตัวเองด้วย” คุณกรณ์เล่าถึงสไตล์ความเนี้ยบของตัวเองที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียน ถึงขั้นเคยบังเอิญใส่เข็มขัดกับรองเท้าคนละสี แล้วต้องรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนมาใหม่
บางคนมองว่าเป็นความเนี้ยบที่อยู่ในดีเอ็นเอ ที่สะท้อนออกมาทางการแต่งตัว การใช้ชีวิต และในทุก ดีเทลของการทำงาน แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อกรณ์ ณรงค์เดช เขาเพียงต้องการจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและเต็มที่ที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง และส่งมอบความเต็มที่เหล่านั้นออกมาแก่ผู้คนในชีวิตของเขา
From bustling Soi Sukhumvit 26, we turned into The Estelle Phrom Phong, an ultra-luxury condominium development jointly developed by Raimon Land and Tokyo Tatemono, where we had an appointment with Korn Narongdej. The KPN Group heir-turned-property magnate is the CEO of Raimon Land, Thailand’s leading developer of
luxury and super-luxury real estate, though many know him as the husband of actress Sririta Jensen Narongdej, with whom he has a son, Gavin, born in early 2021.
Once inside we felt enveloped in an atmosphere of luxury and warmth infused with a touch of Japanese sensibility that comes from the use of natural materials. Although it is located right in the heart of Phrom Phong, the place has a Zen-like peaceful vibe. At the same time it is thoroughly modern, from design to facilities.
After giving us a friendly welcome, Korn walked us through selected highlights of the development. “The Estelle Phrom Phong is a 37-storey high-rise condominium jointly developed by Raimon Land and Tokyo Tatemono, a Japan’s most established real estate developer with more than 120 years of expertise” he began. “The highlight amenities include the supercar parking floor, separated male and female onsens, salt-floatation pool, world class gym fully equipped with Technogym equipments including the limited edition equipment in collaboration with Christian Dior, Guest suite where unit owners can book for their friends’ visit as if they are staying in a 5 star hotel. Most importantly, Estelle is a pet-friendly condominium where you can live with your four-legged kids.” Living at The Estelle Phrom Phong is luxury beyond imagination, with 24-hour concierge service, Mercedes-Benz S Class limousine service, the 74 exclusive units with private lift, and another facility which none of condominiums offer to clientele before – Guest Suite offering the service like 5-star hotel to ensure homeowner’s guest satisfaction while staying in the same compound.
“I never thought there would come to a point where people would be unwilling to share an elevator with strangers,’ Korn said, laughing. “But this became important during the Covid-19 pandemic and developers have had to adapt themselves to this new normal. People are looking for larger units, which are quite difficult to find in this market because in the last four to five years developers have shied away from building large units since customers have doubt and take long time to decide. So, we had to take this into account in order to boost sales. Space flexibility was another adjustment we had to make. To meet the needs of the current generation, who are spending more time working from home, we needed to ensure that the living room can be adjusted to create a home office – to give you just one example.
Korn grew up in the third-generation member of a business family that has always engaged in the automotive industry. His interest in property started as a hobby. “I have always enjoyed decorating my room and rearranging things in the house. After completing my Master’s Degree in England, I decided to take an interior design course. When I came home in early 2000, my father suggested that given my education background, perhaps I should develop and sell a condo.” That piece of advice led to Korn’s first real estate project, a low-rise condominium, with only 8 floors of 24 units in Sukhumvit 39 that was sold out within a month and a half , and so the second low-rise project on Sukhumvit 49 that was sold out in just 6 months and now he is taking the reins at Raimon Land.
“When joining Raimon Land, I recognised the company’s strengths,” he said. “It is the leader in the high-end real estate market and has a high-caliber workforce as well as long experience in the industry. What I came in to do, my goal is to help strengthen the brand further. As the core of Raimon Land’s brand essence is luxury, we decide to cease the development of all future semi-luxury projects and focus only on the luxury segment and above. The company has a loyal group of clientele where their profile shows that they are matured in terms of financial status and age. We need to retain this customer group while expanding to younger generations of customers because young people these days are good at making their own fortune. They business owners todays consist of people in wider group of generations and they all have high purchasing power. So we have rebranded RML to be younger at heart, more approachable and more fashion-conscious but still a luxury brand.”
For Korn, property development isn’t just about constructing buildings but creating new landscapes that are of premium quality and memorable. Besides a look of luxury, the emphasis is on quality and attention to detail in terms of both functionality and living experience. Raimon Land currently has three exciting projects in the pipeline, to be unveiled in 2023. Tait Sathorn 12, the luxury condominium in the heart of Sathorn with its iconic slope design that will make it one of newest landmark on Sathorn. The 61-storey Grade A office building, One City Centre, designed by world-class design consultancy Skidmore, Owings & Merril (Thailand) Co., Ltd. (SOM), the team behind the design success of Dubai’s Burj Khalifa, once completed will become the tallest office building in Thailand. Rosewood Residences Kalama, the first standalone Rosewood residential project in Asia and the latest super luxury villa development on Phuket’s Kamala Beach, represents Raimon Land’s bid to capitalize on the growing branded residence trend as well as Thailand’s position as a location to watch for investors.
“I drew a lot of inspiration for these ideas from my travels,” Korn said. “When I travel on vacation, I am on a different mode and see things from a different point of view from working. Staying at a hotel can give me ideas to apply to condo design, for example.” He travels frequently to Japan, America and England and also loves exploring new destinations to broaden his perspective and learn new things. This, combined with his innate passion, has made him a successful businessman. “I believe that no matter what you do for a living, if it is something you love then everything will come from the heart, and you have an over 50 percent chance of becoming successful. If you are really into the things you do, you won’t think of it as work. You will go to bed and wake up thinking about it. You will be more dedicated, not just doing it because you have passion for your job.
“Another factor in my success has been my family’s support,” Korn continued. “My wife helps me with marketing activities, conceptualise events and communications strategies. She is my partner in work as much as in life. And whenever possible I like to take my son with me to meetings and work, so that he can see and absorb. When I was a kid, I saw my parents work and absorbed it all naturally.”
He showed us the Blancpain Villeret on his wrist, bought for him as a gift by his mother 16 years ago and worn as a reminder of what she taught him. “My mother told me that any loss, whether financial, psychological or emotional, can be recovered but time loss cannot be. So by wearing this watch I am reminded to make the most of my time – because once life has passed you by, you can never get it back.”
“A watch and my wedding ring are the only accessories I always wear because they hold sentimental value for me,” he said. “I do collect watches, but I am not a watch fanatic. I like classic, timeless things. Blancpain is minimal and sophisticated and is also one of the top five iconic bans. I like since it’s not ubiquitous. I like what I wear to be unique. Some people may not pay attention to the way they dress, but it is actually the first thing that represents yourself to the world. It’s not just about respecting the place you are in but also about respecting yourself.” An impeccable dresser from his student days, Korn shared that he once found himself wearing non-matching shoes and belt and had to rush back home to change.
Some may see this impeccability as something written in his DNA and reflected in the way he dresses and lives as well as in every detail of his work. But Korn will be the first to tell you that he just wants to do his best and gives his all at any given moment – and also gives the utmost possible to the people in his life.